ความหมายของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
หมายถึงระบอบการปกครองที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ โดยอาศัยหลักการของการแบ่งแยกอำนาจ และหลักการที่ว่าด้วยความถูกต้องแห่งกฎหมาย ผู้ปกครองประเทศที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นเพียงตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจให้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน
รัฐสภา(ตัวแทนประชาชน)มีอำนาจถ่วงดุลกับฝ่ายบริหาร การแบ่งแยกอำนาจช่วยให้ควบคุมซึ่งกันและกัน ประชาชนจึงมีเสรีภาพมากขึ้นไม่ถูกบังคับความถูกต้องแห่งกฎหมาย ทำให้ประชาชนสามารถโต้แย้งคัดค้านการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐได้ การปกครองแบบประชาธิปไตย มีหลักเกณฑ์ขั้นต่ำ 3 ประการคือ
• ผู้ปกครองจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใต้ปกครอง
• ผู้ใต้ปกครองจะต้องมีสิทธิเปลี่ยนตัวผู้ปกครองได้เป็นครั้งคราว
• สิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐานของประชาชนจะต้องได้รับการคุ้มครอง
องค์ประกอบของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เลือกตั้ง , หลักการแบ่งแยกอำนาจ , หลักความถูกต้องแห่งกฎหมาย การเลือกตั้งคือพื้นฐานสำคัญของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งทำทำให้เกิดสถาบันการเมือง คือ พรรคการเมืองขึ้น
รุสโซ กล่าวว่า อำนาจอธิปไตยหรืออำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของประชาชน(จาก สัญญาประชาคม) แต่ด้วยประชาชนมีจำนวนมากไม่สามารถมีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึง จึงเกิดวิธีการ มอบอำนาจ ขึ้นซึ่งก็คือการเลือกผู้แทนของตน เข้าไปทำหน้าที่ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ตามที่ตนต้องการ การเลือกตั้ง ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
• อิสระแห่งการเลือกตั้ง = โดยเสรี ไม่มีการบังคับ จ้างวาน / เลือกตั้งตามกำหนดเวลา = กำหนดสมัยแน่นอน ไม่ห่างเกินไป / ประชาชนควบคุมดูแลผู้แทนของตนได้ / เลือกตั้งอย่างแท้จริง = ไม่โกง ให้ราษฎรมีส่วนร่วมการจัดการ คัดค้านการทุจริตได้ /
• ออกเสียงโดยทั่วไป = ประชาชนมีโอกาสใช้สิทธิอย่างทั่วถึง / เลือกตั้งอย่างเสมอภาค = ทุกเสียงมีค่าเท่ากัน
• ลงคะแนนลับ = มิให้ผู้อื่นได้รู้ว่าลงคะแนนอย่างไร เพื่อป้องกันการบังคับ
รูปแบบการเลือกตั้ง เลือกตั้งโดยตรง(ผู้เลือกตั้งเลือกผู้แทนของตนโดยตรง)เลือกตั้งโดยอ้อม(เลือกบุคคลไปเลือกผู้แทน)
• ข้อดี เลือกตั้งโดยตรง : ได้ผู้แทนตามเจตจำนง, ผู้แทนใกล้ชิดประชาชน, ยากแก่การใช้อิทธิพล, ผู้แทนปฏิบัติงานอย่างมั่นใจ
• ข้อเสีย เลือกตั้งโดยตรง : เขตเลือกตั้งใหญ่, ประชาชนรู้จักผู้สมัครไม่ทั่วถึง
• ข้อดี เลือกตั้งโดยอ้อม : เลือกตั้งได้ง่าย, เลือกผู้มีความสามารถก่อนที่จะไปเลือกผู้แทนอีกครั้ง, เหมาะกับที่ที่ไม่มีการศึกษา ข้อเสีย เลือกตั้งโดยอ้อม : ทุจริตได้ง่าย, คนกลางมีอำนาจ, ดูถูกว่าราษฎรโง่ทำให้ไม่สนใจการเลือกตั้ง, ต้องเลือกตั้ง 2 ครั้ง เลือกตั้งแบบรวมเขต(ถือเอาจังหวัดหนึ่งเป็น1เขต)เลือกตั้งแบบแบ่งเขต(ในจังหวัดหนึ่งแบ่งเป็นเขตๆ)
- หลักการแบ่งแยกอำนาจ มองเตสกิเออ อธิบายใน “เจตนารมณ์ของกฎหมาย” ว่าอำนาจอธิปไตยประกอบด้วยอำนาจ 3 อำนาจ คือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ หากอำนาจทั้ง 3 รวมอยู่ที่องค์กรเดียวเสรีภาพของประชาชนจะไม่เกิด
- หลักการที่ว่าด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย หมายถึง ผู้มีอำนาจปกครองจะใช้อำนาจปกครองจามอำเภอใจไม่ได้ การใช้อำนาจปกครองจะต้องสอดคล้องถูกต้องกับกฎหมายทั้งหลายที่ใช้บังคับอยู่
รูปแบบของรัฐบาลในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มี 2 แบบ คือ แบบรัฐสภา ,แบบประธานาธิบดี(มีการเพิ่มแบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดีเข้ามาในช่วงหลัง)
• แบบรัฐสภา ฝ่ายบริหารแยกเป็น 2 องค์กร คือ องค์กรประมุขของรัฐ ,องค์กรคณะรัฐมนตรีองค์กรประมุขของรัฐ อาจเป็นกษัตริย์ (ส่วนใหญ่เป็นสังคมอนุรักษ์นิยม)หรือประธานาธิบดีก็ได้(สังคมเสรีนิยม) องค์กรคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาล มีความรับผิดชอบทางการเมืองต่อรัฐสภา หากรัฐสภาไม่ไว้วางใจก็ต้องลาออก วิธีการที่รัฐสภาไม่ไว้วางใจคณะรัฐบาล เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ , การไม่ผ่านร่างงบประมาณประจำปี , ไม่ผ่าน ก.ม สำคัญ ส่วนฝ่ายคณะรัฐมนตรีก็สามารถยุบสภาได้ ทำให้เกิดดุลแห่งอำนาจขึ้น (ในที่สุดประชาชนก็จะเลือกตั้งใหม่)
• แบบประธานาธิบดี ประธานาธิบดี จะเป็นทั้งประมุขของรัฐ ,หัวหน้าคณะรัฐมนตรี องค์กรคณะรัฐมนตรีเป็นเพียงที่ปรึกษาให้คำแนะนำ สิทธิขาดอยู่ที่ประธานาธิบดี (คัดค้าน 7 เสียง เห็นด้วย 1 เสียง 1 เสียงชนะ)
ระบอบการปกครองแบบเผด็จการ
ระบอบการปกครองแบบเผด็จการมีความหมาย 2 นัย คือ 1.ระบอบการปกครองชั่วคราวที่มีวัตถุประสงค์จะปกปักษ์รักษาระบบเดิมเอาไว้ 2. ระบบที่รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ระบอบการปกครองแบบเผด็จการของประเทศที่มีระบบเศรษฐ์กิจแบบทุนนิยม
การปกครองแบบเผด็จการมักเกิดขึ้นเมื่อสังคมเกิดวิกฤติการณ์ ทำให้ผู้มีอำนาจจำเป็นต้องใช้วิธีการแบบเผด็จการ ทั้งนี้เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การปกครองแบบเผด็จการมักเกิดขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติการณ์เกี่ยวกับความชอบธรรมของอำนาจปกครอง เมื่อใดประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับอำนาจปกครองขณะนั้น ก็จะพยายามไม่ทำตามการปกครองนั้น จนในที่สุดผู้มีอำนาจปกครองเป็นต้องใช้อำนาจปกครองแบบเผด็จการขึ้น
สถาบันการเมืองของระบอบการปกครองแบบเผด็จการ ที่สนับสนุนคือ ทหาร และพรรคการเมืองพรรคเดียววิธีการที่ทำให้ประชาชนยอมรับอำนาจปกครองแบบเผด็จการ คือ การปราบปรามผู้โต้แย้ง ,การโฆษณาชวนเชื่อการปราบปรามผู้โต้แย้ง เช่นการจับกุมคุมขัง การส่งตัวไปค่ายกักกัน การทรมาน การประหารชีวิต กลไกที่ใช้คือ ก.ม. ศาล ตำรวจรูปแบบของการปกครองแบบเผด็จการในระบบทุนนิยม มีแบบระบบการปกครองแบบเผด็จการเกิดขึ้นเมื่อสังคมของประเทศเกิดวิกฤติการณ์ ร้ายแรง เช่น วิกฤติการณ์ทางสังคม (โครงสร้างสังคมเปลี่ยนเกิดความสับสน จึงเกิดการปกครองแบบเผด็จการขึ้น เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง) วิกฤติการณ์เกี่ยวกับความชอบธรรมแห่งอำนาจปกครอง(เกิดเมื่อประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมแห่งอำนาจประชาชนเริ่มไม่ให้ความร่วมมือ ในที่สุดก็ต้องใช้การปกครองแบบเผด็จการ)
การสร้างความชอบธรรมแห่งอำนาจปกครองเผด็จการแบบปฏิวัติ ผู้เผด็จการจะพยายามสร้างความชอบธรรมโดยการบังคับเผด็จการแบบปฏิรูป โดยอ้างถึงอุดมการณ์ทางการเมืองแบบใหม่ สถาบันการเมืองของระบบการปกครองแบบเผด็จการ จะมี 2 ส่วนใหญ่ คือ ทหาร และ พรรคการเมือง(พรรคเดียว)วิธีการที่ทำให้ประชาชนยอมรับอำนาจการปกครองแบบเผด็จการคือ
1. การปราบปราม โดยใช้วิธีการกำจัดฝ่ายที่คัดค้านโต้แย้งอำนาจเผด็จการ วิธีการต่างๆที่ใช้ปราบปราม คือ การจับกุมคุมขัง การส่งตัวไปค่ายกักกัน การทรมาน และการประหารชีวิต กลไกที่ใช้ปราบปรามได้แก่ กฎหมาย ศาล ตำรวจ และกลไกที่ได้ผลเด็ดขาด คือการสร้าง ตำรวจลับ ขึ้น โดยจะจัดการกับผู้ต่อต้านโดยไม่มีการพิจารณาคดีตามปกติ
2. การโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อจูงใจประชาชนให้ยอมรับอำนาจเผด็จการ
• รูปแบบการปกครองแบบเผด็จการในระบบทุนนิยม “ฟาสซิสม์”
ฟาสซิสม์ เป็นการปกครองแบบเผด็จการของประเทศอุตสาหกรรม การปกครองที่มีพรรคการเมืองพรรคเดียว การปกครองที่จัดให้มีการโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบทันสมัย พื้นฐานอันแท้จริงของเผด็จการแบบฟาสซิสม์ คือ แนวความคิดแบบอนุรักษ์นิยม สถาบันการเมืองของเผด็จการแบบฟาสซิสม์ ได้แก่ พรรคการเมืองพรรคเดียว การจัดตั้งสมาคมอาชีพ การโฆษณาชวนเชื่อ การปราบปรามฝ่ายตรงข้าม
ระบอบการปกครองแบบเผด็จการของประเทศที่มีระบบเศรษฐ์กิจแบบสังคมนิยม
ประเทศสังคมนิยม ยึดถือโครงสร้างในการผลิตเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคม โดยถือว่า เครื่องมือในการผลิตเป็นของส่วนรวม นอกจากนี้ยังยึดถืออุดมการณ์เป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง เพราะอุดมการณ์เป็นความนึกคิดที่มีเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์ และเป็นจุดเริ่มต้นของโครงสร้างการผลิต นอกจากนี้ยังยอมรับอุดมการณ์อย่างอื่นด้วย เช่น อุดมการณ์แบบธรรมเนียมประเพณีอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นต้น
การใช้อำนาจเผด็จการแบบปฏิวัติมีลักษณะ 2 ประการคือ
• การใช้อำนาจเผด็จการแบบชั่วคราวที่คณะปฏิวัติจะทำหน้าที่เสมือนหนึ่งผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาล
• มุ่งกล่อมเกลา เปลี่ยนแปลงทัศนคติของประชาชนเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เสรีภาพและการดำรงชีวิตโดยไม่ต้องอาศัยเผด็จการ ลักษณะสำคัญของรัฐธรรมนูญของประเทศเผด็จการสังคมนิยม คือ การเลือกตั้งแบบหยั่งเสียง คือการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
ที่มาhttp://www.baanjomyut.com
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กฎหมายน่ารู้
๑. ทรัพย์มรดก
๑.๑ ทรัพย์มรดก คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายตลอดทั้งสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่างๆ เว้นแต่ตามกฎหมาย
หรือว่าโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๐๐)
๑.๒ หลักการแบ่งปันทรัพย์มรดก
(๑) ถ้าผู้ตายมีคู่สมรสยังมีชีวิตอยู่ ให้แบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาก่อน(ป.พ.พ มาตรา ๑๖๒๔, ๑๕๓๓)
(๒) เมื่อแบ่งระหว่างสามี ภรรยาแล้ว ส่วนของผู้ตาย คือ ทรัพย์มรดกที่จะต้องนำไปแบ่งปันระหว่างทายาท
(ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๖)
๒. มรดกซึ่งไม่มีพินัยกรรม
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ มรดกของบุคคลนั้นจะตกทอดแก่ทายาททันที ซึ่งตามกฎหมาย
เรียกว่า ทายาทโดยธรรม อันประกอบด้วยญาติและคู่สมรส ญาติของผู้ตาย มิใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิได้รับมรดก เพราะกฎหมาย
ได้บัญญัติให้ญาติที่สนิทสนมกับผู้ตายเท่านั้นที่มีสิทธิได้รับมรดก โดยญาติที่สนิทที่สุดได้รับมรดกไปก่อน ส่วนญาติที่สนิท
รองลงมาจะมีสิทธิได้รับมรดกก็ต่อเมื่อญาติสนิทในลำดับต้นไม่มี ส่วนคู่สมรสนั้นจะมีสิทธิได้รับมรดกเสมอตามส่วนมากน้อย
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ทั้งนี้คู่สมรสนั้นต้องเป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย กล่าวคือ ต้องได้รับจดทะเบียนสมรสนั่นเอง
๓. ทายาทโดยธรรมซึ่งมีสิทธิได้รับมรดก ได้แก่
๑. ผู้สืบสันดาน คือ ลูกหลาน เหลน ลื้อ
๒. บิดามารดา
๓. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
๔. พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมาดาเดียวกัน
๕. ปู่ ย่า ตา ยาย
๖. ลุง ป้า น้า อา
๗. คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฏหมาย
๔. การแบ่งทรัพย์มรดกระหว่างทายาทโดยธรรมในลำดับและชั้นต่างๆ
๔.๑ ถ้าเจ้ามรดกมีทายาทโดยธรรมในลำดับชั้นต่างๆ หลายชั้น เช่น อาจจมีลูก พี่น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย เช่นนี้แล้ว
ทายาทดดยธรรมในลำดับต้นจะได้รับมรดกไปก่อน ส่วนทายาทโดยธรรมในลำดับรองลงมาไม่มีสิทธิได้รับมรดก
ข้อยกเว้นที่ทำให้ทายาทโดยธรรมในลำดับหลังมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย ได้แก่ กรณีผู้ตายมีผู้สืบสันดานซึ่งเป็นทายาท
โดยธรรมในลำดับที่ ๑ และมีบิดามารดาซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมในลำดับที่ ๒ กรณีเช่นนี้ บิดามารดาตัดไปโดยกฎหมาย
บัญญัติให้บิดามารดานั้นมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายเหมือนเป็นบุตรของผู้ตายคนหนึ่ง
ที่มา:http://www.phr.ago.go.th
รู้จัก windows 8 กันดีกว่าไม่ล้าสมัย
หลังจากที่ windows 7 ได้ออกมาให้เราได้ชมและใช้งานมาซักพักแล้ว ก็มีปัญหาเรื่องของการติด bug หรือข้อผิดพลาดอันไม่พรึงประสงค์บางประการ จึงมีการเปิดตัว windows 8 ออกมาให้ทดลองกันบ้างแล้ว เพื่อไม่ให้คนอื่นว่าเราไม่ทันสมัยรู้เรื่อง OS หรือระบบปฏิบัติการของเครื่องที่เราใช้ไว้บ้างก็ดีน่ะครับ
ที่มา : http://www.google.co.th/imgres?hl=th&biw=1382&bih=708&tbm=isch&tbnid=3J2uIzA7ers5PM:&imgrefurl=http://www.renticao.com/page/7/&docid=jLiDbd9G28sKWM&imgurl=http://www.renticao.com/wp-content/uploads/2012/04/Windows-8-2.jpg&w=1151&h=783&ei=rof_T4m9Ec3PrQfsuoiYBg&zoom=1&iact=hc&vpx=416&vpy=257&dur=66&hovh=185&hovw=272&tx=136&ty=110&sig=100104608875948635462&page=2&tbnh=157&tbnw=223&start=15&ndsp=20&ved=1t:429,r:6,s:15,i:146
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)