ความหมายของธรรมชาติของการเมือง
เพลโต ( Plato ) (๖) นักปรัชญาเมธีการเมืองให้แนวคิดว่า การเมือง หมายถึง การอำนวยความยุติธรรมแก่คนทั้งปวง อันหมายถึง การช่วยให้แต่ละคนภายในรัฐได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ตามความสามารถและความถนัดตามธรรมชาติของตนไม่ก้าวก่ายงานของคนอื่น
นอกจากนี้นักปราชญ์ชาวเยอรมัน ชื่อแมก เวบเบอร์ ( Max Weber ) มีแนวคิดว่าสิ่งที่ถูกสร้างเป็นสมาคมก็อาจมีลักษณะเป็นการเมืองได้ถ้าในรัฐมีอำนาจสั่งการ มีผลบังคับภายใน อาณาเขตนั้นและผู้ปกครองเป็นผู้ใช้อำนาจบังคับเพื่อให้รัฐปกติสุข และตามแนวคิดนี้เขาเชื่อว่าลักษณะของการเมืองต้องประกอบไปด้วย อำนาจในการปกครองดินแดน(๗)
ฮาโร ลาสเวลร์ ( Harold Lasswell ) ได้กล่าวว่า ลักษณะทางการเมืองต้องมีลักษณะดังนี้คือ มีลักษณะผูกพันกับการปกครอง การมีและการใช้อำนาจ (Rule-Authority-Power) (๘)
คำว่า “การเมือง” ในปัจจุบันจึงมีความหมายกว้างขว้าง ซึ่งครอบคลุมวิถีชีวิตของมนุษย์เกือบทุกคน จนมีคำกล่าวว่า ”ถ้าเราไม่เล่นการเมืองการเมืองก็เล่นเรา” ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า คนทุกคนในประเทศต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมัครเป็นผู้ปกครองประเทศแต่หมายความถึง เราทุกคนในฐานะเจ้าของประเทศจะต้องพยายามที่จะศึกษาให้เข้าใจถึงลักษณะและธรรมชาติของการเมือง รู้จักใช้สิทธิและหน้าที่ รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองของประเทศอย่างไร อ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญในฐานะกฎหมายหลักของการปกครองประเทศ ถ้าเราไม่สนใจข่าวสารการบ้านการเมืองไม่สนใจข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงทางการเมือง ปิดหูปิดตาตัวเองเราก็จะไม่รู้ไม่เห็นอะไรที่เกี่ยวกับการเมือง ปล่อยให้คนที่เข้าไปทำหน้าที่ทางการเมือง ทำงานต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนตั้งแต่เข้าไปใช้สิทธิออกกฎหมายเพื่อตนและเพื่อพวกของตน ปล่อยให้กลุ่มบุคคลทำงานตามความต้องการของกลุ่มของพรรคของตน และในที่สุดความเสียหายก็เกิดกับแผ่นดิน ซึ่งเราทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบแผ่นดินของเรา พอมาถึงวันนี้เราจะมาอ้างว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรกไม่ได้เพราะเราเป็นคนตัดสินใจเลือกคนเข้าไปทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นธรรมชาติของการเมืองไม่ได้สกปรกอย่างที่หลายคนพูดกัน แต่ที่เราเห็นว่าการเมืองสกปรกเพราะมีแต่ข่าวความขัดแย้ง ข่าวเกี่ยวกับคนต่างกลุ่มต่างพรรคทะเลาะกัน นั่นก็เพราะคนที่ไม่เข้าใจลักษณะของการเมืองหรือธรรมชาติของการเมือง คอยฉกฉวยโอกาสเพื่อประโยชน์ของตนเองบนความไม่รู้ไม่เข้าใจการเมืองของประชาชน หรือประชาชนมัวแต่สนใจปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องมากกว่าสนใจการเมือง ช่องว่างตรงนี้ทำให้นักการเมืองที่ฉกฉวยหลายคนได้โอกาสในสถานการณ์ต่างๆ ในการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง เพื่อกลุ่มของตนเองและผลจากความล้มเหลวทางการเมืองจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งปัญหาใหญ่ๆ ที่จะตามมาอันเนื่องจากปัญหาทางการเมืองโดยทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามลักษณะของการเมืองโดยตัวของมันแล้วการเมืองเป็นแนวทางของชุมชนทางการเมืองที่มีแนวโน้มที่ก่อให้เกิดสวัสดิภาพอย่างมั่นคงภายในสังคมโดยอาศัยการปกครอง การมีและการใช้อำนาจในทางที่ถูกต้องและอาศัยเงื่อนไขต่างๆ ทำให้เกิดความชอบธรรมในสังคมเป็นหลัก สังคมก็อยู่อย่างปกติสุข รวมทั้งประชาชนในประเทศก็อยู่ดีมีสุข
ที่มา http://www.idis.ru.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น